ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

น้ำหนักเยอะ ไม่ได้แปลว่าอ้วนเสมอไป: มาทำความรู้จักร่างกายของเราให้ดีขึ้น

อัปเดตเมื่อกว่า 3 เดือนที่แล้ว

บนเส้นทางของการดูแลสุขภาพ หนึ่งในสิ่งที่สร้างความสับสนและกังวลใจให้เรามากที่สุดก็คือตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่ความจริงแล้ว แม้ว่าเราน้ำหนักตัวมาก อาจไม่ได้หมายความว่าเรา “น้ำหนักเกิน” หรือ "อ้วน" เสมอไป การทำความเข้าใจองค์ประกอบของร่างกายจะช่วยให้เรามีมุมมองที่ถูกต้องและสามารถวัดผลความสำเร็จของเราได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

น้ำหนักของเราประกอบด้วยอะไรบ้าง?

ตัวเลขน้ำหนักรวมที่เราเห็นบนตาชั่งนั้น เป็นผลรวมขององค์ประกอบหลัก 4 อย่างในร่างกายของเรา คือ

  • กล้ามเนื้อ (Muscle): เปรียบเสมือน "เครื่องยนต์" ของร่างกายที่คอยเผาผลาญพลังงาน

  • ไขมัน (Fat): เปรียบเสมือน "คลังเก็บพลังงานสำรอง" ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย แต่หากมีมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้

  • กระดูก (Bone): คือ "โครงสร้าง" ที่เป็นแกนหลักของร่างกาย

  • น้ำ (Water): เป็นส่วนประกอบที่ใหญ่ที่สุด และสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ง่ายในแต่ละวัน เช่น จากการดื่มน้ำ, การเสียเหงื่อ หรือแม้แต่จากอาหารที่มีรสเค็ม

กล้ามเนื้อ vs. ไขมัน: หนักเท่ากันแต่ขนาดไม่เท่ากัน

2 ตัวนี้ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ตัวเลขบนตาชั่งอาจหลอกเราได้ ลองจินตนาการถึง เนื้อหมู 1 กิโลกรัม กับ มันหมู 1 กิโลกรัม แม้ทั้งสองอย่างจะหนักเท่ากัน แต่ก้อนมันหมูจะดูมีขนาดใหญ่กว่าก้อนเนื้อหมูมากเลย ซึ่งกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกายของเราก็เป็นแบบเช่นเดียวกัน กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นสูงกว่าไขมันมาก ทำให้ในน้ำหนักที่เท่ากัน กล้ามเนื้อจะใช้พื้นที่ในร่างกายน้อยกว่าไขมัน หรือดูมีขนาดเล็กกว่าเมื่อนำมาเทียบกัน

นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนที่เริ่มออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง น้ำหนักอาจจะไม่ลดลง (หรืออาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย) แต่กลับรู้สึกว่าเสื้อผ้าหลวมลงและดูมีสัดส่วนที่ดีขึ้น นั่นเป็นเพราะร่างกายกำลังสร้างกล้ามเนื้อที่มีขนาดเล็กกว่า มาแทนที่ไขมันที่มีขนาดใหญ่กว่านั่นเอง

วิธีวัดผลอื่นๆ นอกจากตัวเลขบนตาชั่ง

เมื่อน้ำหนักบนตาชั่งไม่ได้บอกเราทุกอย่าง เรามาดูวิธีอื่นๆ ที่สามารถช่วยในการวัดความสำเร็จที่แท้จริงของการดูแลตัวเองกัน เช่น

  • สายวัด: ลองใช้สายวัดวัดรอบเอว, สะโพก, หรือต้นแขนเป็นประจำทุก 2-4 สัปดาห์ การที่สัดส่วนลดลง ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนกว่าตัวเลขบนตาชั่งเสียอีก

  • เสื้อผ้า(ที่เคยเป็น)ตัวโปรด: ลองหยิบเสื้อหรือกางเกงตัวเก่าที่เคยคับมาใส่ดู การที่เราเริ่มรู้ว่าหลวมขึ้น ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่าเรามาถูกทางแล้ว

  • รูปถ่าย: ลองถ่ายรูปตัวเองในชุดเดียวกัน มุมเดียวกัน ทุกๆ 4 สัปดาห์ เราอาจจะทึ่งกับการเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาของตัวเอง

  • ความรู้สึก: คุณรู้สึกมีพลังงานมากขึ้นไหม? นอนหลับได้ดีขึ้นหรือเปล่า? การเดินขึ้นบันไดเหนื่อยน้อยลงไหม? หรือกิจกรรมที่เคยทำแล้วเหนื่อยง่าย ตอนนี้เราสามารถทำได้มากขึ้นหรือเปล่า? สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี แม้ว่าเราไม่ชั่งน้ำหนักหรือใช้สายวัดอย่างชัดเจน

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่เราชั่งน้ำหนัก อย่าเพิ่งเสียใจกับตัวเลขบนตาชั่งที่ไม่ลดลงหรือไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แต่อยากให้ลองใช้ "วิธีวัดผลอื่นๆ" ที่เราแนะนำไป มาประกอบการประเมินร่วมด้วย โฟกัสที่ความรู้สึกดีๆ และความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น เพราะนั่นคือความสำเร็จและหัวใจของการเดินทางสายสุขภาพอย่างแท้จริง

นี่ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการใช่ไหม