ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คู่มือสำรวจน้ำตาลแฝงในเครื่องดื่ม

อัปเดตเมื่อกว่า 3 เดือนที่แล้ว

กาแฟเย็นแก้วโปรดตอนเช้า, ชานมไข่มุกตอนบ่าย, หรือน้ำอัดลมที่ช่วยให้สดชื่น เครื่องดื่มเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลายๆคนไปแล้ว แต่รู้ไหมว่าภายใต้รสชาติที่หวานอร่อยสดชื่นนั้น อาจมีปริมาณน้ำตาลซ่อนอยู่มหาศาลเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเลยทีเดียว

ทำไมน้ำตาลในเครื่องดื่มถึงอันตราย?

น้ำตาลที่มาในรูปแบบของเหลวหรือที่เรียกว่า "แคลอรีว่างเปล่า" (Empty Calories) นั้นอันตรายกว่าที่เราคิด เนื่องจาก

  • ร่างกายดูดซึมเร็วเกินไป: น้ำตาลในเครื่องดื่มจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและกระตุ้นให้ร่างกายเก็บสะสมไขมันได้ง่ายขึ้น

  • ไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม: สมองของเราไม่ค่อยรับรู้ถึงความอิ่มจากพลังงานที่ได้รับในรูปแบบของเหลว ทำให้เรายังคงกินอาหารมื้อหลักได้ในปริมาณเท่าเดิม ส่งผลให้ได้รับพลังงานโดยรวมเกินความจำเป็นได้ง่ายๆ

  • นำไปสู่ความเสี่ยงด้านสุขภาพ: การได้รับน้ำตาลในเครื่องดื่มในปริมาณมากเป็นประจำช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอ้วน, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, และไขมันพอกตับได้

  • ใช้ "ส่วน" คาร์บไปอย่างน่าเสียดาย: การดื่มเครื่องดื่มหวานๆ หนึ่งแก้ว อาจใช้โควต้า "ส่วน" คาร์โบไฮเดรตของเราในแอปไปแล้ว 3-4 ส่วน ซึ่งเป็นปริมาณที่เกือบจะเท่ากับข้าวทั้งมื้อเลยค

เช็คปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มยอดฮิต

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราลองมาดูกันว่าเครื่องดื่มยอดฮิตแต่ละชนิดใช้ "ส่วน" คาร์โบไฮเดรตของเราไปเท่าไหร่บ้าง (โดย 1 ส่วนคาร์บ ≈ 15 กรัมคาร์โบไฮเดรต)

  • กาแฟเย็น: 1 แก้ว มีคาร์โบไฮเดรต 45 กรัม (ประมาณ 9 ช้อนชา) หรือเท่ากับคาร์ 3 ส่วน

  • ชานมเย็น: 1 แก้ว มีคาร์โบไฮเดรต 35 กรัม (ประมาณ 7 ช้อนชา) หรือเท่ากับคาร์บ 2.3 ส่วน

  • โกโก้เย็น: 1 แก้ว มีคาร์โบไฮเดรต 56 กรัม (ประมาณ 11 ช้อนชา) หรือเท่ากับคาร์บ 3.7 ส่วน

  • น้ำอัดลม : 1 กระป๋อง มีคาร์โบไฮเดรต 34 กรัม (ประมาณ 7 ช้อนชา) หรือเท่ากับคาร์บ 2.3 ส่วน

  • ชาเขียวรสน้ำผึ้งมะนาว: 1 ขวด มีคาร์โบไฮเดรต 58 กรัม (ประมาณ 11-12 ช้อนชา) หรือเท่ากับคาร์บเกือบ 4 ส่วน

  • นมเปรี้ยว: 1 ขวด (80 มล.) มีคาร์โบไฮเดรต 14 กรัม (ประมาณ 3 ช้อนชา) หรือเท่ากับเกือบคาร์บ 1 ส่วน

หมายเหตุ : ปริมาณคาร์โบไฮเดรตอาจแตกต่างกันไปในแต่ละร้านและสูตร แนะนำอ่านฉลากโภชนาการก่อนทุกครั้ง

เทคนิคการเลือกเครื่องดื่มที่ดีกว่า

การลดน้ำตาลในเครื่องดื่มไม่ได้หมายความว่าเราต้องดื่มแต่น้ำเปล่าเสมอไป เรายังมีทางเลือกอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพและช่วยให้สดชื่นได้เช่นกัน

  • เริ่มต้นจากการ "ลดระดับความหวาน": เวลาสั่งเครื่องดื่ม ลองเริ่มต้นจากการสั่ง "หวานน้อย" (เช่น หวาน 50% หรือ 25%) เพื่อให้ลิ้นของเราค่อยๆ คุ้นชินกับรสชาติที่ไม่หวานจัด

  • เลือกดื่มกาแฟดำหรือชาไม่ใส่น้ำตาล: หากต้องการคาเฟอีน การดื่มกาแฟดำ (อเมริกาโน่) หรือชาชนิดต่างๆ แบบไม่เติมน้ำตาล ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง อาจจะยากในช่วงแรก แต่ลิ้นเราจะค่อยๆคุ้นชินไปเอง

  • เลือกดื่มน้ำเปล่าหรือโซดา: หากต้องการความสดชื่นซาบซ่า ลองดื่มน้ำเปล่าแช่เย็นหรือโซดาบีบมะนาวแทนน้ำอัดลม ช่วยให้สดชื่นได้เหมือนกันแต่ไม่มีแคลอรีและน้ำตาล หรือจะลองทำ " Infused Water” ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพียงแค่ฝานผลไม้ที่ชอบ เช่น แตงกวา, เลมอน, สตรอว์เบอร์รี, หรือใส่ใบมินต์ลงไปแช่ในเหยือกน้ำเปล่าทิ้งไว้ในตู้เย็น ก็จะได้เครื่องดื่มหอมๆ สดชื่นไว้ดื่มตลอดวันโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย

  • อ่านฉลากเสมอ: ใช้ทักษะการอ่านฉลากที่เราได้เรียนรู้กันไป มาเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลของเครื่องดื่มแต่ละชนิดก่อนตัดสินใจเลือก

การลดน้ำตาลในเครื่องดื่มอาจเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายในช่วงแรก แต่เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆที่เราทำในแต่ละวัน จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อเส้นทางสายสุขภาพของเราได้อย่างยั่งยืนแน่นอน

นี่ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการใช่ไหม